กุ้งล็อบสเตอร์ จากแหล่งโปรตีนคนจน สู่ อาหารราคาแพง (หูฉี่)
- 617 Views
- Media News Firs
- November 23, 2023
- ความรู้ ความเชื่อ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์
เชื่อไหม กุ้งล็อบสเตอร์ อาหารจานหรู อดีตคือ โปรตีนคนจน มาก๊อนนนนนนน! เพราะเคยเป็นอาหารสำหรับทาส และคนจนรากหญ้าเทียมดิน ซึ่งคนรวย คนมีตังค์ เชิดใส่ ไม่เคยเหลียวหันไปแล หรือคิดจะหยิบยกขึ้นโต๊ะอาหารของพวกเขาเด็ดขาด นอกจากจะนำไปเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงเท่านั้น!!
โอววว แล้วอะไรคือจุดผันเปลี่ยนที่ทำให้อาหารคนจน กลายมาเป็นอาหารชั้นเลิศ ราคาแพงหูฉี่ ชนิดที่คนหาเช้ากินค่ำทั่วไป เอื้อมไม่ถึง หรือจะกินสักมื้อ ต้องออมอดไปหลายมื้อในเดือนนั้นกันเลยทีเดียว วันนี้ medianewsfirst จะขอพาทุกคนย้อนกลับไปยังสมัยศตวรรษที่ 17 แต่ไม่ต้องเจาะหาอดีต แค่ไปดูสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้อาหารไร้ค่าในอดีต กลายมาเป็นอาหารมื้อหรูในปัจจุบันได้อย่างไร
เมื่อศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ชาวยุโรปเพิ่งย้ายมาตั้งรกรากในรัฐแมสซาชูเซตส์ ทวีปอเมริกาเหนือ ในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของชายหาด จะต้องเจอภูเขาล็อบสเตอร์ แทบจะไม่มีที่ว่าง เพราะแทบทุกพื้นที่ถูกจับจองไปด้วยประชากรกุ้งล็อบสเตอร์ ที่ประกาศเป็นเจ้าถิ่นประจำชายหาดแทบทุกหาด ทำให้คนจนส่วนใหญ่ที่ไม่มีเงินซื้ออาหาร เลือกที่จะกินกุ้งล็อบสเตอร์เป็นอาหารประจำแทบทุกมื้อ และแทบทุกวัน เพราะเป็นอาหารที่หาง่าย มีโปรตีน แถมกุ้งล็อบสเตอร์มีจำนวนมหาศาล จับเท่าไรก็ไม่มีทีท่าจะหมดสิ้น นอกจากนี้ เรือนจำสมัยนั้น ก็มักจะให้อาหารแก่นักโทษเป็นกุ้งล็อบสเตอร์ แทบทุกมื้อ ทำให้ล็อบสเตอร์ถูกเรียกว่า แหล่งโปรตีนของคนจน ทำให้คนรวย และคนชนชั้นสูงรังเกียจ และปฏิเสธที่จะกินมัน นอกจากจะให้เป็นอาหารแก่ทาสและสัตว์เลี้ยง
และด้วยเหตุที่กุ้งล็อบสเตอร์มีมากและหาง่าย ทำให้ถูกนำไปเป็นอาหารแก่นักโทษ ทาส และคนรับใช้ทุกมื้อหรือบ่อยเกินไป จนเป็นเหตุให้ต้องมีการฟ้องร้อง ขึ้นโรง ขึ้นศาล และได้มีกฏหมายประกาศออกมา “การให้ทาสหรือนักโทษกินล็อบสเตอร์บ่อยเกินไป ถือว่าเป็นการกระทำที่ทารุณ”
ในสมัยนั้น กุ้งล็อบสเตอร์ยังไม่เป็นที่นิยมหลากหลาย อีกทั้งยังไม่มีระบบการจัดการที่ดี ทำให้มันมีจำนวนมากจนแทบไม่มีค่า ทำให้มีการนำไปทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงบ้าง บ้างก็นำไปทำเป็นเหยื่อตกปลา หรือนำไปทำเป็นปุ๋ย
อะไรคือจุดเปลี่ยนทำให้ล็อบสเตอร์กลายเป็นอาหารของคนรวย
ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อาหารเริ่มขาดแคลน โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ยกเว้น กุ้งล็อบสเตอร์ ที่ยังคงมีจำนวนให้กินได้อย่างเหลือเฟือ และช่วงนั้นมีพ่อค้าหัวใส เพิ่มช่องทางการค้าด้วยการนำล็อบสเตอร์มาทำเป็นอาหารกระป๋อง และจำหน่ายในราคาถูก ทำให้ล็อบสเตอร์กระป๋องกลายเป็นอาหารยอดนิยม และเป็นที่ต้องการของผู้คนในช่วงสงครามที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร ทำให้ผู้คนได้ลิ้มลองรสชาติและรู้จักกุ้งชนิดนี้ขยายเป็นวงกว้างขึ้น อีกทั้งยังมีการเสิร์ฟล็อบสเตอร์สด ๆ ให้แก่กลุ่มคนรวยที่ไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ด้วยรสชาติ ความสดใหม่ และขนาดใหญ่โตของมันที่เพิ่มความหรูหรา ดูดีมีระดับ เหมาะแก่การเสิร์ฟเป็นอาหารจานหรู ทำให้ล็อบสเตอร์กลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น
จากที่เคยจำนวนกุ้งล็อบสเตอร์มีมากมหาศาล แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้นได้ ทำให้สต็อกสินค้าเริ่มลดลง เป็นเหตุให้ราคากุ้งล็อบสเตอร์เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งจำนวนประชากรล็อบสเตอร์เริ่มลดลง ไม่สามารถหาจับบนหาดทรายได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน การที่จะจับกุ้งล็อบสเตอร์ยากขึ้น เพราะต้องออกทะเลไปลากอวน เหมือนปลาทะเลอื่น ๆ อีกทั้งเริ่มมีกฏหมายกำหนดเกณฑ์ในการจับล็อบสเตอร์ สามารถจับได้เฉพาะกุ้งที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป และหากจับได้ตัวเมียที่มีไข่ ต้องปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ห้ามจับมาจำหน่ายหรือทำอาหารเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล็อบสเตอร์กลายเป็นของหายากขึ้น รวมถึงกระบวนการเก็บรักษาความสดใหม่ ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่การจับ การแพ็ก และการขนส่ง ก่อนที่จะถูกนำขึ้นโต๊ะอาหาร เพราะกุ้งล็อบสเตอร์มีรสชาติอร่อยก็ต่อเมื่อกินสด ๆ เท่านั้น ทำให้การกินกุ้งล็อบสเตอร์ทวีความลำบาก มากขั้นตอน แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรวย รสนิยมสูง ที่ยอมทุ่มเงิน เปย์ได้ไม่อั้น น้องกุ้งล็อบสเตอร์ที่ไม่มีค่าในวันนั้น จึงกลายมาเป็นอาหารจานหรูแสนแพงในวันนี้นั่นเอง
เฮ้อออ! อยากเห็นหน้าคนเสิร์ฟล็อบสเตอร์ให้กลุ่มคนรวยครั้งแรกบนรถไฟจัง เพราะเขาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยอัพเลเวล เพิ่มมูลค่าให้กับล็อบสเตอร์ ข้อดีคือ ล็อบสเตอร์ถูกมองในแง่บวก และเลื่อนสถานะชั้นล่าง สู่ จุดสูงสุด แต่เหล่าประชากรกุ้งอาจไม่ได้ยินดี เพราะจากที่เคยเอกเขนกบนชายหาด ต้องลี้ภัยไปหลบซ่อนในท้องทะเล ออกลูกออกหลานไม่ทันใช้ และที่สำคัญ ล็อบสเตอร์ราคาแพงจนผู้เขียนเหยียดสุดแขน ยังเอื้อมแทบไม่ถึงเลย เพราะอัตราการเติบโตในตลาด สำหรับกุ้งล็อบสเตอร์ เฉลี่ยสูงถึง 9.9% ต่อปี เรียกได้ว่าแซงทางโค้ง ตัดหน้าอาหารทะเลอื่น ๆ เช่น แซลมอน ที่มีอัตราเติบโตราว ๆ 4% ต่อปี และถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันสูง จนอาจหาซื้อกุ้งล็อบสเตอร์ราคาที่ไหว แต่จะจ่ายเงินทีไร กระเป๋าตังค์ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร เลยก้มหน้ากินกุ้งทะเลบ้านเราต่อไป อร่อยและได้โปรตีนเหมือนกัน